คัมภีร์ในศาสนาพราหมณ์
คัมภีร์ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่
กลุ่มที่ 1 คัมภีร์ปุราณะ มี 18 เล่ม
คือรวมความรู้ของชาวฮินดูโบราณ เรื่องราวการกำเนิดเทพเจ้า ปรัชญา ศาสนา ประวัติศาสตร์ การครองโลกของพระมนู 14 องค์ ประวัติของสุริยวงศ์และจันทรวงศ์ เป็นคัมภีร์ที่ดำเนินเรื่องด้วยพระผู้เป็นเจ้า 3 องค์ คือ พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ
กลุ่มที่ 2 คัมภีร์พระเวท มี 4 เล่ม ได้แก่
1. ฤคเวท - ใช้สวดสรรเสริญเทพเจ้า
2. สามเวท - ใช้สวดในพิธีกรรมถวายน้ำโสมแด่พระอินทร์และคำสวดขับกล่อมเทพเจ้า
3. ยชุรเวท - วิธีประกอบพิธีการบวงสรวงต่างๆ
ยชุรเวท ยังแบ่งออกเป็นอีกสองสายคือ กฤษณยชุรเวท (ยชุรเวทดำ) และ ศุกลยชุรเวท (ยชุรเวทขาว)
4. อาถรรพ์เวท - รวมคาถาอาคม เวทมนต์ต่างๆ
กลุ่มที่ 3 คัมภีร์อุปนิษัท
อธิบายสาระสำคัญของปรัชญา อธิบายธรรมชาติ จักรวาล วิญญาณ
ปรัชญาสำหรับมนุษย์ กฏแห่งกรรม และหลักปฏิบัติต่างๆ
กลุ่มที่ 4 คัมภีร์ตันตระ
มาจากคำสนทนาระหว่างพระศิวะกับพระแม่ทุรคา ว่าด้วยการสร้างโลก การสร้างสรรพสิ่ง ความพินาศของโลก และการบูชากราบไหว้พระเป็นเจ้า วิธีการบรรลุเข้าถึงสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ การบรรลุเข้าถึงอิทธิฤทธิ์ 6 และการเข้าสู่พระผู้เป็นเจ้า 4 วิธีด้วยการบำเพ็ญสมาธิภาวนา คัมภีร์ตันตระนี้ ภายหลังก่อให้เกิดลัทธิ ศักติ หรือลัทธิที่บูชาเทพเจ้าฝ่ายหญิง ทั้ง 3 คือ พระแม่อุมา พระแม่ลักษมี พระแม่สุรัสวตี
กลุ่มที่ 5 มหากาพย์ มี 2 เรื่อง คือ
1. รามายณะ
ชาวไทยรู้จักกันดีในชื่อ "รามเกียรติ์" เรื่องราวการต่อสู้ของพระราม และทศกัณฑ์ ฝ่ายเทพเจ้า ฝ่ายยักษ์ ฝ่ายวานร และฝ่ายมนุษย์ เนื้อเรื่องแฝงไว้ด้วยคุณธรรมและปรัชญามากมาย
2. มหาภารตะ
หลักปรัชญาของศาสนาพราหมณ์จาก พระกฤษณะ อันเป็นอวตารแห่ง พระวิษณุ
และในมหากาพย์เรื่อง มหาภารตะ นี้เอง ที่มีคัมภีร์เล่มหนึ่งบรรจุไว้ภายในด้วย ชื่อคัมภีร์ "ภควัทคีตา" ซึ่งก็คือคัมภีร์ที่เราจะมาศึกษากันต่อไปนั่นเอง
ภควัทคีตา คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์แห่งศาสนาฮินดู
ภควัทคีตา อ่านว่า "พะ-คะ-วัด-คี-ตา" หมายถึง "บทเพลงแห่งพระเป็นเจ้า" เป็นชื่อคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
ที่เล่าเรื่องโดย ฤๅษีกฤษณะ ไทวปายนะ วยาส โดยฤาษีตนนี้ ได้เล่าเรื่องราวของมหาภารตะให้แก่ พระพิฆเนศ และพระพิฆเนศก็ได้จดจาร บันทึกไว้เป็นตัวอักษร ก่อเกิดเป็นมหากาพย์อันยิ่งใหญ่ และคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวฮินดูใช้ปฏิบัติกันจวบจนปัจจุบัน
***คัมภีร์ภควัทคีตา ฉบับที่แปลเป็นภาษาไทยปัจจุบันแทบจะไม่เหลือแล้ว ลองหาอ่านได้ตามหอสมุดแห่งชาติ (ห้องหนังสือศาสนา) โบสถ์พราหมณ์เสาชิงช้า และหอสมุดโบราณต่างๆ***
มหาภารตะ เป็นมหากาพย์ที่ยาวที่สุดในโลก (ยาวกว่า สามก๊ก อีเลียด Oddysey และ The Cantos รวมกัน) มีเนื้อหาที่ซับซ้อนมาก ให้ความรู้ครบถ้วนทุกศาสตร์ในโลก ทั้งเรื่องราวของเทพปกรณัม นิทาน บทกวี คติสอนใจ หลักปรัชญา หลักการสู้รบ ภูมิศาสตร์ วิถีชีวิต ศิลปะ ประเพณีของอินเดีย การเมือง และมีเรื่องย่อยๆ แทรกอยู่อีกมากมาย สามารถแยกเรื่องย่อยๆเหล่านั้นมาเป็นหนังสือได้อีกหลายร้อยเล่ม จนมีคำกล่าวยกย่องไว้ว่า..
...สิ่งใดไม่มีกล่าวไว้ในมหาภารตะ...สิ่งนั้นไม่มีในโลก!!!
มหาภารตะเป็นเรื่องราวความขัดแย้งของพี่น้องที่สืบเชื้อสายเดียวกัน 2 ตระกูล ระหว่าง ตระกูลปาณฑพ กับ ตระกูลเการพ โดยทั้ง 2 ตระกูลก็เป็นพี่น้องที่สืบเชื้อสายมาจาก ท้าวภรต แห่งกรุงหัสตินาปุระมาด้วยกัน เหตุขัดแย้งบานปลาย นำไปสู่มหาสงครามอันยิ่งใหญ่ ณ ทุ่งกุรุเกษตร เพื่อแย่งชิงราชสมบัติและแย่งกันปกครองแผ่นดิน มีพรรคพวกพันธมิตรของแต่ละฝ่ายเข้าร่วมรบด้วยเป็นจำนวนมหาศาล คือมหากาพย์แห่งการสู้รบระหว่างฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรม
ตัวเอกสำคัญที่สุดของมหากาพย์ภารตะ คือ เจ้าชายอรชุน (เจ้าชายฝ่ายตระกูลปาณฑพ) และ พระกฤษณะ ซึ่งพระกฤษณะก็ คือ 1 ใน 10 ปางอวตารของ พระวิษณุ หรือ พระนารายณ์ อันสูงสุดของศาสนาพราหมณ์นั่นเอง พระกฤษณะเป็นที่ศรัทธานับถือของชาวฮินดู ในลัทธิที่นับถือพระวิษณุเป็นใหญ่ในตรีมูรติ (นอกจากพระกฤษณะ หรือ ปางกฤษณาวตาร นี้แล้ว ยังมี ปางรามาวตาร โดยอวตารเป็น พระราม ใน มหากาพย์รามายณะ หรือ ชื่อไทยคือ รามเกียรติ์ ที่เรารู้จักกันดี และอีกอวตารคือ ปางพุทธาวตาร หรือ พระพุทธเจ้า ซึ่งก่อให้เกิดศาสนาพุทธในภายหลังนั่นเอง... ซึ่งทั้ง 3 ปางนี้ก็เป็นปางอวตารที่ยิ่งใหญ่ของพระวิษณุที่ชาวฮินดูนับถือมากที่สุด)
หลักปรัชญาใน ภควัทคีตา ที่ปรากฏอยู่ภายในมหากาพย์มหาภารตะนั้น คือปรัชญาที่เกิดขึ้นจากการสนทนาระหว่าง พระกฤษณะ กับ เจ้าชายอรชุน ในระหว่างการเข้าสู่สนามรบ โดยพระกฤษณะก่อนหน้านั้นเป็น สารถีผู้ขี่ม้า ให้แก่เจ้าชายอรชุน ได้เปิดเผยสถาวะที่แท้จริงของตนในภายหลังให้อรชุนได้ประจักษ์ ว่าตนเป็น พระวิษณุอวตาร และได้แสดงธรรมเปิดเผยคำสอนแก่อรชุน อันประกอบไปด้วยความจริงแห่งโลก จักรวาล ธรรมชาติของชีวิต การปฏิบัติตนเป็นโยคี การหลุดพ้น และการเดินทางสู่สภาวะอันเป็นนิรันดร์
ปรัชญาใน ภควัทคีตา ได้กลายมาเป็นคำสอนที่ชาวอินเดียผู้นับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ยึดเหนี่ยวเป็นที่พึ่ง ยึดเป็นข้อปฏิบัติด้วยศรัทธาอย่างแรงกล้า อันจะทำให้ตนหลุดพ้นบ่วงและพันธนาการอันชั่วร้ายทั้งปวง
มหาตมะ คานธี ผู้นำอินเดีย คือบุคคลที่นำเอาหลักปรัชญาจาก ภควัทคีตา มาใช้จนเห็นผลชัดเจนที่สุด...ในบรรดาศิลปิน นักปราชญ์ อาจารย์ นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์และบุคคลที่มีชื่อเสียงของโลกหลากหลายอาชีพ ก็ได้ใช้ปรัชญาในคัมภีร์นี้ นำไปต่อยอดความรู้ของตน เพื่อการสร้างสรรค์ผลงานอันยิ่งใหญ่.....บุคคลชั้นนำในแวดวงธุรกิจ ตลอดจนนักการเมือง ผู้นำประเทศที่มีชื่อเสียงของโลกหลายท่าน ก็ได้ใช้หลักปรัชญาใน ภควัทคีตา มาปรับใช้ในการบริหารธุรกิจและปกครองประเทศอยู่มากมาย
คัมภีร์ภควัทคีตา และ มหากาพย์มหาภารตะ แม้จะเป็นเรื่องราวที่ว่าด้วยอวตารของ พระวิษณุ ซึ่งเป็นเทพคนละฝ่ายกับ พระศิวะ และ พระพรหม อันเป็น 3 มหาเทพสูงสุดของศาสนาพราหมณ์ก็ตาม แต่ชาวฮินดูทุกฝ่าย ก็ได้ยึดเอาหลักปรัชญาและคำสอนในภควัทคีตาและมหาภารตะ มาใช้ยึดเหนี่ยวและปฏิบัติในชีวิตประจำวันตราบจนสิ้นลมหายใจ ไม่ว่าตนจะนับถือพระวิษณุ พระศิวะ หรือพระพรหมเป็นใหญ่ก็ตาม
เฉกเช่นเดียวกับผู้ที่นับถือพระวิษณุ หรือพระพรหมเป็นใหญ่ ก็ล้วนต้องบูชาพระพิฆเนศอันเป็นบุตรของพระศิวะก่อนการบูชาพระวิษณุหรือพระพรหมตามหลักปฏิบัติที่มีมาแต่โบราณ นั่นหมายถึงต่างฝ่ายต่างก็ให้ความเคารพในมหาเทพอันสูงสุดของอีกฝ่าย
ชาวฮินดูผู้ใด ที่เข้าถึงปรัชญาอันสูงสุดของศาสนาพราหมณ์ได้อย่างลึกซึ้งแล้ว ผู้นั้นจะไม่มีการแยกฝ่ายแล้วว่า ฝ่ายไหนเป็นใหญ่ มหาเทพองค์ไหนสูงกว่า เพราะพระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ ต่างก็ได้รวมกันเป็นหนึ่ง หรือเป็น พระตรีมูรติ อันเป็นความยิ่งใหญ่สมบูรณ์เหนือสิ่งอื่นใดในจักรวาลแล้วนั่นเอง!!
******เมื่อได้ศึกษาปรัชญาและคำสอนในภควัทคีตาแล้ว... พฤติกรรมการนับถือลัทธิทรงเจ้าและการหลงเชื่อร่างทรงของทุกท่านก็จะมลายหายไป พฤติกรรมการนับถือเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ของท่านในแบบเดิมๆ จะเปลี่ยนไป...และค้นพบว่าตัวท่านเองได้เกิดปัญญา เกิดสติ มองเห็นดวงไฟสุกสว่าง จุดประกายนำทางชีวิตของท่านไปสู่ความเจริญ ก่อเกิดความสำเร็จและความสุขอันแท้จริง!!!
(โศลกที่ 7 - ส่วนหนึ่งจากภควัทคีตา)
คาระพันยา โดโชพะฮะทะ สวาบฺาวะฮา
พริชชฺชามิ ทวาม ดฺารมะ สัมมูดฺะ เชทาฮา
ยัช ชฺเรยะฮา สยาน นิชชิทัม บรูฮิ ทันนะเม
ชีชายัส เทฮัม ชาธิ มาม ทวามะ พระพันนัม
คำแปล - บัดนี้...ข้าพเจ้ารู้สึกสับสนในหน้าที่ของตน เนื่องจากความอ่อนแอในสภาวะเช่นนี้ ขอพระองค์โปรดชี้ทางแก่ข้าพเจ้าด้วย
ว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระองค์ ขอเป็นสาวกของพระองค์
ดวงวิญญาณของข้าพเจ้ายอมศิโรราบแด่พระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดชี้นำทางด้วยเถิด!!
.........................................................................................................................................................................
(การบำเพ็ญตบะธรรม - คำสอนส่วนหนึ่งจากภควัทคีตา)
การบูชาเทพเจ้า สมณะ พราหมณ์ อาจารย์ นักปราชญ์,
การเป็นผู้มีกายอันสะอาด, การมีความซื่อตรง, การควบคุมตนให้อยู่ในกรอบแห่งวัตร,
การไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น....สิ่งเหล่านี้คือ ตบะธรรมที่แสดงออกทางกาย...
การพูดจาไม่สร้างความเดือดร้อน, พูดคำสัตย์, พูดจาไพเราะอ่อนหวาน,
พูดจาที่เป็นประโยชน์....สิ่งเหล่านี้คือ ตบะธรรมที่แสดงออกทางวาจา...
การทำจิตให้ผ่องใส, การเป็นผู้มีจิตใจอ่อนโยน, การเป็นผู้มีจิตใจสงบเยือกเย็น,
การข่มใจให้ปกติเมื่อประสบกับอารมณ์....สิ่งเหล่านี้คือ ตบะธรรมที่แสดงออกทางใจ...
ผู้ปฏิบัติตนให้บำเพ็ญอยู่ในตบะดังกล่าว
ทั้งตบะทางกาย วาจาและใจแล้ว
ผู้นั้นคือบุคคลประเสริฐ ย่อมประสบสุขและสำเร็จในทุกสิ่งที่ปรารถนา...!!!
มหากาพย์มหาภารตะ โดย อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ตอนที่ 1 - 64